วันนี้เราอาจจะได้รู้จักนายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กันมาเป็นอย่างดีแล้ว ไม่ว่าจะผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ หรือผ่านทางภาพยนต์ในเรื่อง Social Media ที่ตามติดการใช้ชีวิตและหนทางที่เขาฝ่าฟันเพื่อการก่อตั้ง Facebook แต่มีน้อยคนที่จะรู้ว่าเจ้า Social Media ตัวนี้มีผู้ร่วมก่อตั้งอยู่หลายคน และไม่ค่อยมีใครพูดถึงประวัติของพวกเขากันเลย ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็มีผลงานไม่ด้อยไปกว่าซักเคอร์เบิร์กเลย วันนี้จึงอยากจะมาแนะนำให้ผู้อ่านได้รู้จักอีกมุมหนึ่งของผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook ที่มีเงินและทรัพสินย์กว่าพันล้านบาท
เอดูอาโด ซาเวอริน เกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ปี 1982 เป็นมหาเศรษฐีชาวบราซิล และเป็น Saverin เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Facebook ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมาเขาได้กำไรส่วนแบ่งจาก Facebook เป็นเงินมูลค่ากว่า 53 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นมูลค่า 0.4% ของกำไรทั้งหมดในบริษัท โดยรวมกับทรัพสินย์ส่วนตัวของเขาอีก 11.1 พันล้านดอลลาร์ ที่ผ่านการบันทึกและเก็บข้อมูลจากนิตยสาร Forbes อาชีพหลักของเขาคือนักลงทุน ที่ชื่นชอบลงทุนกับบริษัทใหม่ไฟแรงอย่าง Qwiki และ Jumio
ต่อมาเข้าไปสละสัญชาติตนเองในการเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกา เพื่อย้ายเข้าไปอยู่ทิสิงคโปร์ หลายคนตั้งข้อสังเกตุต่อการกระทำของเขาที่ต้องการเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจนในปี 2011 โดยเงินที่เขาประหยัดได้ในคราวนี้เป็นมูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ โดยเจ้าตัวได้ออกมาให้การปฏิเสธว่าการย้ายเข้ามาอยู่ในสิงคโปรครั้งนี้ ไม่ใช่ด้วยเหตุผลการหลีกเลี่ยงภาษีแต่อย่างใด
ช่วงสำคัญของเขาอยู่ในการเรียนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ ๆ เขาได้พบกับนักเรียนรุ่นปีสองคือ ซักเคอร์เบิร์กที่ทุ่มเทให้กับงานเว็บไซต์ Social Media สำหรับนักเรียนของมหาลัย ทั้งคนจึงได้มีโอกาสมาทำงานร่วมกันจนได้เปิดทำการ The Facebook ในปี 2004 ในฐานของผู้ร่วมก่อตั้ง ซาเวอริน ดำเนินงานในฐานะเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และผู้จัดการด้านธุรกิจ ในวันที่ 15 พฤษภาคม ปี 2012 นิตยาสาร Business Insider ได้รับจดหมายพิเศษส่งตรงจามซัคเคอร์เบิร์กโดยให้รายละเอียดไว้ว่าเขาต้องการตัดซาเวอรินจา Facebook รวมถึงลดสัดส่วนการถือหุ้นของเขา
จนต่อมาได้เกิดการฟ้องร้องกันระหว่างสองกลุ่มคือ Facebook ได้ฟ้องซาเวอริน และทางซาเวอรินได้ฟ้องกลับในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook โดยข้อตกลงทั้งหมดระหว่างทั้งสองฝ่ายถูกเก็บเป็นความลับ ประชาชนทั่วไปไม่สามารถรู้ถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ในคดีนี้ แผะคดีก็จบไปแบบเงียบ ๆ ในปี 2010 ซาเวอรินได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Aporta เว็บไซต์บริจาคเงินเพื่อการกุศล และทำเงินได้มหาศาลในทวีปเอเชียกว่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ตั้งแต่เขาได้ย้ายมาอยู่ในสิงคโปร์